|
|
||
|
|||
สรุปสาระสำคัญความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมาย |
|||
ขอบเขตการใช้บังคับกฎหมาย |
|||
ประเด็นที่จะพิจารณามีดังนี้ ได้แก่ |
|||
1. กฎหมายใช้เมื่อใด |
|||
2. กฎหมายใช้ที่ไหน และ |
|||
3. กฎหมายใช้แก่บุคคลใด |
|||
1. กฎหมายใช้เมื่อใด |
|||
ในประเทศไทย มีวิธีการดังนี้ คือ | |||
(1) ประกาศในหนังสือราชกิจจานุเบกษาวิธีนี้ใช้กับการประกาศรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ ประมวลกฎหมาย พระราชกำหนด พระราชกฤษฎีกา รวมทั้งข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เพื่อให้หน่วยงานราชการ และประชาชนทั่วไปทราบ | |||
(2) ประกาศโดยเปิดเผย วิธีนี้เป็นกรณีของกฎหมายที่องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นออกหนังสือใช้ในท้องถิ่นของตน ตามเงื่อนไขที่ให้อำนาจไว้ เช่น เทศบัญญัติจะประกาศโดยเปิดเผยที่สำนักงานเทศบาล ข้อบัญญัติจังหวัดประกาศโดยเปิดเผยที่ศาลากลางจังหวัด เป็นต้น |
|||
ระยะเวลาที่ใช้บังคับกฎหมาย โดยปกติจะระบุในกฎหมาย สำหรับกฎหมายที่ต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา มีต่างกันดังนี้ คือ |
|||
1. ให้ใช้ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา |
|||
กรณีนี้มักเป็นกรณีรีบด่วน เช่น พระราชบัญญัติประถมศึกษา พ.ศ. 2478 มาตรา 2 บัญญัติว่า "ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้ ตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป" กฎหมายที่ถูกกำหนดให้มีผลบังคับใช้ในวันเดียวกันกับที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษามักจะได้แก่ กฎหมายที่เกี่ยวกับการเก็บภาษีอากร พิกัดอัตราสินค้าต่าง ๆ หรือการควบคุมการสั่งสินค้าเข้าหรือสินค้าออก เป็นต้น |
|||
2.ให้ใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา |
|||
เป็นกฎหมายที่ไม่ต้องการความรวดเร็วมากนัก วิธีนี้เป็นวิธีที่ใช้ปฏิบัติอยู่เป็นปกติสำหรับกฎหมายทั่วไปในปัจจุบัน |
|||
3. กำหนดเวลาให้ใช้ในอนาคต |
|||
เพื่อให้เจ้าพนักงานและประชาชนเตรียมพร้อมที่จะปฏิบัติ หรือให้ทางการมีโอกาสตระเตรียมเครื่องมือ เครื่องใช้ บุคลากร เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายนั้น การกำหนดเวลาให้ใช้กฎหมายในอนาคต แบ่งออกได้ 3 กรณีคือ | |||
3.1 กำหนด วัน เดือน ปี ให้ใช้กฎหมายที่แน่นอน เช่น พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2499 กำหนดให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2500 เป็นต้นไป | |||
3.2 กำหนดให้ใช้ในอนาคต โดยไม่ระบุวัน เดือน ปี แต่กำหนดให้ใช้เมื่อระยะเวลาหนึ่งล่วงพ้นไป เช่น เมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป หรือเมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป | |||
3.3
กำหนดให้ใช้ในอนาคตโดยไม่ระบุวัน เดือน ปี หรือระยะเวลาที่แน่นอน
แต่กำหนดไว้กว้าง ๆ ว่าจะให้ใช้กฎหมายบังคับเมื่อไร
จะประกาศออกมาเป็นกฎหมายระดับรอง เช่น |
|||
2. กฎหมายใช้ที่ไหน |
|||
กฎหมายไทยใช้บังคับเฉพาะแต่ในราชอาณาจักร คำว่า "ราชอาณาจักร" หมายถึง | |||
ก. พื้นดินในประเทศไทย (รวมถึงแม่น้ำลำคลองในประเทศไทยด้วย) | |||
ข. ทะเลอันเป็นอ่าวไทยตามพระราชบัญญัติ กำหนดเขตจังหวัดในอ่าวไทย ตอนใน พ.ศ. 2502 | |||
ค. ทะเลอันห่างจากฝั่งที่เป็นดินแดนของประเทศไทยไม่เกิน 12 ไมล์ทะเล | |||
ง. พื้นอากาศเหนือ ก. ข. และ ค. | |||
จ. เรือไทยในท้องทะเลหลวง | |||
ข้อสังเกต มีกฎหมายบางฉบับที่ไม่นำไปใช้ทั่วประเทศ แต่จะใช้เฉพาะ ท้องที่ใดท้องที่หนึ่ง ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เท่านั้น เช่น พระราชบัญญัติว่าด้วยกฎหมายอิสลาม ในเขตจังหวัดปัตตานี นราธิวาส ยะลา สตูล พ.ศ. 2498 ซึ่งบัญญัติถึงเรื่องการวินิจฉัยคดีแพ่งเกี่ยวกับครอบครัว และมรดกของผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามในเขตจังหวัดดังกล่าว โดยให้ใช้กฎหมายอิสลามในส่วนที่เกี่ยวกับครอบครัว และมรดกแทนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่การจะใช้กฎหมายฉบับนี้จะต้องเข้าเงื่อนไข และหลักเกณฑ์ตามที่กฎหมายอิสลามกำหนดไว้ด้วย | |||
3. กฎหมายใช้แก่บุคคลใด |
|||
กฎหมายใช้บังคับบุคคลทุกคนที่อยู่ภายในราชอาณาจักรของรัฐนั้น ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนต่างด้าว ซึ่งมีข้อยกเว้นอยู่ 2 ประการ คือ | |||
(1) ข้อยกเว้นตามกฎหมายไทย ซึ่งบัญญัติยกเว้นไม่ให้ใช้บังคับแก่บุคคลบางคนหรือบุคคลบางจำพวก | |||
(2) ข้อยกเว้นตามกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีเมือง |
|||
ข้อยกเว้นตามกฎหมายไทยตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้แก่ | |||
(1) พระมหากษัตริย์ แม้จะอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญแต่ก็อยู่เหนือกฎหมายอื่น พระองค์เป็นที่เคารพสักการะ และการกระทำของพระองค์ย่อมไม่เป็นการละเมิดกฎหมาย ผู้ใดจะฟ้องร้องพระองค์ในคดีแพ่ง คดีอาญา หรือจะกล่าวหาในทางใด ๆ ไม่ได้ | |||
(2) สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่อยู่ในสมัยประชุมสภาใดสภาหนึ่ง หรือทั้งสองสภาร่วมกัน |
|||
นครินทร์ นันทฤทธิ์ |
|||
|
|||
|
|||