โรคมะเร็งปากมดลูก

ผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์หญิงสุรินทร์ทิพย์ เปี่ยมสมบูรณ์
โรงพยาบาลกรุงเทพ


          "สุขภาพจิตที่ดีย่อมสถิตในเรือนร่างที่แข็งแรงและสมบูรณ์" ปัจจุบันหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต่างหันมา
ให้ความสำคัญในเรื่องเกี่ยวกับการรณรงค์รักษาสุขภาพให้แข็งแรงกันมากขึ้น ตัวอย่างที่เห็นอย่างเด่นชัดและเป็นรูปธรรมก็คือนโย-
บาย 30 บาท รักษาทุกโรคของกระทรวงสาธารณสุขนโยบายดังกล่าวถูกกำหนดและนำมาใช้โดยมีวัตถุประสงค์ประการหนึ่งคือเพื่อ
ชลอการสูญเสียชีวิตของผู้คนก่อนถึงวัยอันสมควร ถึงแม้นโยบายดังกล่าวจะประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแต่ก็ยังมีโรคร้ายอีก
หลายๆ โรคที่ปัจจุบันได้คร่าชีวิตของผู้หญิงไปปีละหลายพันคน โรคร้ายที่ว่านี้คือมะเร็งปากมดลูก ซึ่งจากการเก็บรวบรวมข้อมูลของ
สถาบันมะเร็งแห่งชาติพบว่ามีผู้หญิงไทยเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกปีละ 6,000 คน และเสียชีวิตปีละ 3,000 คน เฉลี่ย 10 คนต่อวัน
นับได้ว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง


ภาพจากหน่วยงานผลิตภาพถ่ายและไมโครฟอร์ม
สำนักเทคโนโลยีการศึกษา
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช


          โรคมะเร็งที่พบมากในเพศหญิง เป็นอันดับ 1 คือ มะเร็งปากมดลูก รองลงมาเป็นมะเร็งเต้านม นอกนั้นก็เป็นมะเร็งตับ
ปอด และลำไส้ ในปัจจุบันนี้ประเทศไทยพบว่ามะเร็งปาดมดลูก พบมากเป็นอันดับ 7 ในผู้ป่วยรายใหม่ จะพบประมาณปีละ
370,000 คนต่อปี ในจำนวนนี้ 80% ของผู้ป่วยเหล่านี้ จะพบในประเทศที่กำลังพัฒนาสำหรับในประเทศไทยนั้น เราพบผู้ป่วยใหม่ปี
ละประมาณ 6,000 คน โดยจะพบในอัตรา 20 คนต่อผู้หญิง 100,000 คน หรือคิดง่ายๆ ก็คือพบในอัตรา 1 คนต่อผู้หญิง 5,000 คน
ถ้าจะเปรียบเทียบกับประเทศอื่นนั้น สถานการณ์ในบ้านเรา ยังพบโรคนี้ในอัตราที่สูงมาก ซึ่งจะพบได้พอๆ กับที่พบในประเทศอินเดีย
ประเทศอาฟริกาใต้ ในประเทศแถบเอเชียที่พบโรคนี้น้อยลง เนื่องจากมีการป้องกันที่ดี ได้แก่ประเทศญี่ปุ่น สำหรับประเทศในแถบ
สแกนดิเนียเวีย ประเทศฟิลแลนด์ สวีเดน จะพบโรคนี้ได้น้อยมาก เนื่องจากมีการตรวจคัดกรองโรคในประชากรใต้เกือบ 900 % นั่น
คือผู้หญิงทุกคนได้รับการตรวจคัดกรองโรค

         ผู้หญิงที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ ได้แก่ผู้หญิงที่แต่งงานเร็วหรือเริ่มมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย นั่นคือแต่งงานก่อนอายุ
16 ปี ผู้หญิงที่แต่งงานหลายครั้ง หรือมีเพศสัมพันธ์กับชายหลายคน ผู้หญิงที่แต่งงานกับชายที่มีเพศสัมพันธ์กับหญิงหลายคน และผู้
ฟังที่มีโรคทางเพศสัมพันธ์บ่อยครั้ง เช่น เป็นโรคหูดหงอนไก่ โรคหนองใน นอกจากนี้ยังพบในผู้หญิงที่มีบุตรหลายคน คลอดบุตร
หลายครั้งผู้หญิงที่สูบบุหรี่ สูบบุหรี่เป็นเวลานานๆ ผู้หญิงที่กินยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน เช่น กินนานกว่า 10 ปีขึ้นไป นอกจากนี้ยัง
พบในผู้หญิงที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้หญิงที่เป็น HIV หรือในกลุ่มผู้หญิงที่มีการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายอวัยวะแล้วต้องกินยากดภูมิคุ้ม
กันเป็นเวลานาน ๆ เหล่านี้ ก็คือกลุ่มผู้หญิงที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งปาก

   อาการของโรคมะเร็งปากมดลูก

          โรคมะเร็งปากมดลูก ในระยะเริ่มต้น จะไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น ในระยะที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงของเซล หรือเริ่มเป็นก้อน
เล็กๆ ที่ปาดมดลูก ผู้หญิงคนนั้นจะไม่มีอาการใดๆ เลย จะรู้ว่าเป็นก็ต่อเมื่อไปตรวจภายใน ประจำปี ไปเช็คร่างกาย แล้วแพทย์ตรวจ
พบ แต่ถ้าโรคเป็นมากแล้วจะมีอาการแสดงออกมาให้เห็น เช่น ตกขาวเป็นสีเหลือง สีเขียว มีกลิ่นเหม็น มีตกขาวปนเลือด หรือมี
เลือดออกกระปิดกระปรอยทั้งเดือน มีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ เมื่อทิ้งไว้นาน โรคเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นระยะท้ายของโรคก็จะมี
อาการปวดท้องน้อย ในอุ้งเชิงกราน มีอาการปัสสาวะ อุจจาระเป็นเลือด ขาบวม ต่อมน้ำเหลืองโตทั่วร่างกาย มีอาการไอเป็นเลือดและ
ไตวาย ที่จริงแล้ว ทางการแพทย์ก็อยากตรวจพบเจอโรคในระยะเริ่มต้น ซึ่งจะให้การรักษาได้ง่าย ทำการรักษาได้ผลดี ค่าใช้จ่ายน้อย ผู้หญิงก็เจ็บตัวน้อย นั้นคือเราอยากได้โรคในระยะเริ่มต้นจริงๆ ซึ่งเราจะได้ก็ต่อเมื่อผู้หญิงไม่มีอาการอะไร ไปตรวจเช็คเจอเฉยๆ แต่ถ้าอาการที่ควรไปตรวจคือ มีตกขาวมากผิดปกติหรือมีเลือดออกผิดปกติ ซึ่งไม่ใช่เลือดประจำเดือน ควรไปพบสูตินรีแพทย์

   วิธีการป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก

          1. การป้องกันอันดับแรกที่สำคัญคือ ต้องมาตรวจภายใน ยิ่งการตรวจภายในของผู้หญิงควรจะเริ่มตรวจเมื่อมีเพศสัมพันธ์
หรือแต่งงานแล้ว โดยการตรวจร่างกายประจำปี ควรจะมาตรวจตามระยะเวลาที่เหมาะสม มาตรวจทุกปี ซึ่งทางสูตินรีแพทย์จะทำการ
ตรวจภายใน มีการเก็บเซลจากช่องคลอดเอาไปส่งตรวจ ซึ่งเราเรียกว่า การตรวจด้วยแป๊ปสเมีย ซึ่งระยะเวลาการตรวจแป๊ป สเมียใช้
เวลา 5 นาที ไม่มีอาการเจ็บปวด ค่าใช้จ่ายก็ถูก ในโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ก็จะมีการตรวจฟรีก็อยากจะรณรงค์ให้ผู้หญิงทุก
คนมารับการตรวจเช็คมะเร็งปากมดลูกในทุก 1 ปี ซึ่งถ้าตรวจพบเซลผิดปกติ แพทย์ก็จะได้ทำการรักษาให้หายขาด ก่อนที่ปากมดลูก
นั้นจะกลายเป็นมะเร็ง เหล่านี้คือการป้องกันในอันดับแรก


ภาพจากหน่วยงานผลิตภาพถ่ายและไมโครฟอร์ม
สำนักเทคโนโลยีการศึกษา
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช


          2. หลีกเลี่ยงปัจจัยเรื่องต่างๆ ที่จะเกิดโรค โรคนี้ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการมีเพศสัมพันธ์ เพราะฉะนั้นในผู้หญิงเองควร
ตระหนักว่า การมีเพศสัมพันธ์ควรจะเริ่มในวัยอันสมควรเช่นแต่งงานเมื่ออายุพอสมควร มากกว่า 18 ปีขึ้นไปไม่ควรส่ำส่อนทางเพศ
อย่ามีเพศสัมพันธ์กับชายหลายคน ฝ่ายชายเองซึ่งเป็นสามี ก็ควรจะมีส่วนในการป้องกันโรคนี้ด้วย นั่นคือไม่ควรจะ ส่ำส่อนทางเพศ
ไม่ควรนำโรคติดเชื้อมาสู่ภรรยา ซึ่งจะทำให้ภรรยามีโอกาสเรื่องที่จะเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกมากขึ้น นอกจากนี้ก็หลีกเลี่ยงการสูบ
บุหรี่ หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในแหล่งที่มีควันบุหรี่ตลอดเวลา ซึ่งเหล่านี้จะเป็นการกระตุ้นให้เกิดโรคนี้ด้วยในเรื่องของการคุมของการ
คุมกำเนิด ก็ไม่ควรกินยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน เช่นน้องวัยรุ่นเริ่มมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุ 14 ปี ก็เริ่มมีการคุมกำเนิด กินกันไป
เรื่อยจนอายุ 40 , 50 ปี ก็จะเป็นการเพิ่มปัจจัยการเสี่ยง อีกอย่างหนึ่งคือการรณรงค์การใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อทาง
เพศสัมพันธ์

   การปฏิบัติตนของผู้ป่วย

          ผู้หญิงที่เป็นโรคมะเร็งปากมดลูก ควรจะได้รับการรักษา เช่น การผ่าตัด การฉายแสง ฝังแร่ หรือการให้เคมีบำบัด เพราะ
ในปัจจุบันนี้แม้ว่าจะเป็นโรคในระยะใด เป็นระยะที่มากแล้ว หรืออย่างไรก็ยังมีหวังที่จะหายขาดจากโรคได้ ถ้าได้รับการรักษาที่ถูก
ต้องหรือการรักษามะเร็ง ด้วยวิธีการแปลกๆ ซึ่งจะทำให้โรคเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ และบางทีมีโรคแทรกซ้อนจากการรักษาจากวิธีเหล่า
นี้ เช่นภาวะไตวาย ตับวาย ซึ่งจะทำให้เสียชีวิตในที่สุดหลังจากการรักษาแล้วก็ควรจะต้องตามการรักษาอย่างเป็นระยะตามที่แพทย์
แนะนำ
          อีกอย่างหนึ่งคือการรักษาสุขภาพหลังจากการรักษาแล้ว ก็เป็นการเรื่องสำคัญ ซึ่งเหล่านี้จะทำให้เรามีภูมิต้านทานที่แข็งแรง
ช่วยป้องกันการกับเป็นซ้ำ การดูแลรักษาเหล่านั้นก็ได้แก่ การนอนพักผ่อนที่เพียงพอ ไม่เครียดกับชีวิตการงาน มีเวลาออกกำลังกาย
สม่ำเสมอ ดูแลรักษาเรื่องการรับประทานอาหารที่สะอาด อาหารที่ไม่ปนเปื้อนสารเคมี การทานอาหารก็ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องทานผัก การทานอาหารควรจะเป็นอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน เช่นโปรตีน โปรตีนที่ดีก็มาจากเนื้อปลา จากเต้าหู้ อาหารที่ดีจริงๆ ก็ควรเป็น
อาหารไทยที่มีเครื่องปรุงเป็นเครื่องเทศต่างๆ เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด เหล่านี้จะเป็นอาหารที่ดีที่สุด การรับประทานจะช่วยป้อง
กันปัญหาการเกิดซ้ำได้ ในโรคมะเร็งปากมดลูก ถ้าเป็นในระยะที่ 1 เราจะรักษาโรคการผ่าตัด แม้แต่การฉายแสง อัตราการหายจะ
ประมาณ 80% นั่นคือใน 100 คนที่รักษาผ่าตัดไป จะพบว่ามี 80% สามารถอยู่เกิน 5 ปี 10 ปี แต่จะมีอีก 20% โรคจะกลับมาเป็น
ใหม่ เพราะฉะนั้นก็ไม่ใช่ว่า 100% จะหายขาด
          โรคมะเร็งบางโรค เกิดจากการขาดสารอาหารโปรตีน อย่างเช่นโรคมะเร็งปากมดลูก เราจะพบในกลุ่ม ผู้หญิงที่ยากจนซึ่ง
คิดว่าปัจจัยเสี่ยงประการหนึ่งเกิดจากการขาดสารอาหาร โดยเฉพาะพวกโปรตีน เพราะฉะนั้นในเรื่องของโรคมะเร็งแล้วไม่แนะนำ
ให้ทานแต่ผักอย่างเดียวโปรตีนยังเป็นสิ่งจำเป็น แต่เราต้องรู้จักเลือกเฉพาะโปรตีนที่สำคัญ เราจะไม่ทานเฉพาะเนื้อสัตว์ที่เป็นสัตว์
ใหญ่ เนื้อที่ปนเปื้อนสารเคมี เนื้อที่มีมันมากอย่างที่กล่าวโปรตีนที่ดีจะมาจากเนื้อปลา เต้าหู้ ถั่วเหลืองจะดีมากเพราะฉะนั้นไม่แนะนำ
ให้ทานอย่างเดียว เพราะเคยมีคนไข้ที่ทานเจ ทานแต่ผักอย่างเดียว รักษาสุขภาพ นุ่งขาว ห่มขาว นั่งสมาธิก็กลายเป็นมะเร็งได้จาก
สถิติในต่างประเทศการเกิดมะเร็งปากมดลูกของผู้หญิงสามารถลดลงได้แต่ในประเทศไทย ปรากฏว่ายังไม่ลดลง ในประเทศไทยนั้น
ปัญหาการตรวจคัดกรองหามะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มต้น ยังไม่ได้ผลที่ดี ที่จริงแล้วรัฐบาลมีโครงการระดับชาติ ที่จะรณรงค์คัด
กรองให้กับผู้หญิงไทยทุกคน แต่ว่าโครงการเหล่านั้นยังไม่ได้ออกมาปฏิบัติให้ได้อย่างจริงจัง เนื่องจากยังมีปัญหาหลายประการมาก
ปัญหาแรก คือปัญหาทางด้านบุคลากรทางการแพทย์ ในประเทศไทยยังขาดแคลนนักเซลวิทยา ยังขาดแคลนพยาธิแพทย์ที่จะช่วย
ตรวจในเรื่องของการคัดกรองตรวจเช็คมะเร็งปากมดลูก ยังขาดบุคลากรทางการแพทย์ แพทย์ยังไม่เพียงพอที่จะให้บริการทางด้าน
นี้ ปัญหาอีกอย่างหนึ่งก็คือปัญหาที่ตัวผู้หญิงไทยเอง คือจำนวนผู้หญิงไทยที่ไปรับการตรวจภายในยังมีมากเฉพาะบางแห่งของ
ประเทศเช่น ในเมืองใหญ่ๆ ในกรุงเทพมหานคร ที่ไปรับการตรวจเช็คภายใน แต่ว่าผู้หญิงที่อยู่ตามต่างจังหวัด หรือว่า ผู้หญิงที่อยู่
ห่างไกลความเจริญ ยังไม่ได้รับการตรวจ เนื่องจาก
          1. ยังไม่มีความรู้ว่าจะต้องไปตรวจเช็คร่างกาย
          2. ไม่ตระหนักถึงความสำคัญว่าจะต้องไปตรวจ คือหลายคนรู้ว่าโรคนี้เป็นโรคในผู้หญิงไทย และป้องกันได้โดยการตรวจ แต่
ผู้หญิงก็ยังไม่ไปตรวจ เหล่านี้ก็เป็นปัญหาในเรื่องของความอาย การละเลยที่จะไปตรวจภายใน
          จริงๆ แล้วการตรวจมะเร็งปากมดลูกไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวหรือน่าอาย และสามารถป้องกันได้ โดยการตรวจภายในทุกปีและ
พยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง

 

รายการหลัก