รูป ฟี ฟาย
ด้าน น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ส่วนใหญ่ผันผวนในทางลง แต่พอในช่วงท้ายตลาดภาคเช้ามีแรงซื้อโหมเข้ามาซึ่งก็ยังไม่พบสาเหตุชัด แต่หากมองเงินบาทยังอยู่ในทิศทางแข็งค่าอยู่ ซึ่งน่าจะช่วยหนุนให้ Fund Flow ไหลเข้ามาได้เช่นกัน ทั้งนี้ เช้านี้ตลาดบ้านเราก็ปรับตัวได้ดีกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ย่อตัวกัน จากแรงขายทำกำไรหลังจากที่ปรับตัวขึ้นไปมากตอบรับปัจจัยบวกจากนายโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และพัฒนาการวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ไปแล้วระดับหนึ่ง
สรุปภาวะตลาดภาคเช้า :SET กลับลงอีก SET ปรับตัวลง ด้วย Sentiment ลบของตลาดหุ้นฮ่องกงและจีน ดิ่งแรงกว่า 3-4% และกลุ่มแบงก์กลับมามีแรงขายอีกระลอก หลังโบรกฝรั่งแห่งหนึ่งปรับลดมูลค่าทางพื้นฐานของหุ้นในกลุ่มนี้ เป็นปัจจัยหลักกดดันตลาด ส่วนประเด็นกรีซ รอเส้นตายในวันอาทิตย์นี้ว่า กรีซจะเสนอแผนปฎิรูปเป็นที่น่าพอใจของกลุ่มเจ้าหนี้หรือไม่ ทั้งนี้ SET ปิดภาคเช้าที่ระดับ 1475.82 จุด (-0.54%) ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.5 หมื่นลบ. กลุ่มหลักพลังงาน และแบงก์ กดดันตลาด ปิดลบกลุ่มละ -1.2% ส่วน ICT ลบเล็กน้อย -0.3% ด้านตลาดภูมิภาคอยู่ในแดนลบระดับแดงเข้ม
นายออเสน การบริสุทธิ์ หัวหน้าฝ่ายการลงทุน-ตราสารทุน บลจ.อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทย ในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะแกว่งตัวบวก/ลบ 5% จากดัชนี SET ปัจจุบันที่ 1,650 จุด หรืออยู่ในกรอบ 1,570-1,730 จุด โดยปัจจัยที่มีผลกระทบมาจากต่างประเทศ ได้แก่ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ค่าเงินบาทที่แข็งค่า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ให้อ่อนแอลง หลังจากไตรมาส 2/62 ได้รับผลบกระทบค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับแรงงาน โดย Consensus คาดกำไร บจ.ปีนี้ที่ 11% และปีหน้าอยู่ที่ 10%
รูป ฟี ฟาย สูตร คูณ แม่ 2 ถึง แม่ 25
QSNBAGsuqF