ฟรี เครดิต 300 ไม่ ต้อง ฝาก
แนวโน้มบ่าย คาดน่าจะยังซึม ตามทิศทางตลาดหุ้นในเอเชียที่ต่างแกว่งในกรอบแคบๆ และผลจากการกำลังเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว การที่ดัชนีแกว่งกรอบแคบและไม่หลุด 1655+/- จุดเป็นวันที่ 2 สะท้อนตลาดไม่พร้อมลง ดูจากแรงซื้อขายที่เข้ามา ซึ่งกลุ่มที่มีแรงซื้อเข้ามาคาดเป็นหุ้นใหญ่ ส่วนแรงขายที่เกิดขึ้นจะเป็นเฉพาะรายตัวแบบเก็งกำไร ภาคบ่ายอาจได้เห็นแรงซื้อของต่างชาติหรือกองทุนในประเทศเข้ามา เพื่อดักรอการดีดตัวของดัชนี SET ในสัปดาห์หน้า โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มพลังงาน ธนาคาร และปูน โดยมองแนวรับบ่ายที่ 1655-1554 จุด และแนวต้านที่ 1663-1666 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไร PTTEP PTTGC SCB SCC
ล่าสุด GL ได้ทำการชี้แจงผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ วันนี้ (13 มี.ค.) ว่า การที่บริษัทได้นำหุ้นของบริษัทเป็นหลักประกันนั้น เป็นหนึ่งในนโยบายของบริษัท ทั้งนี้เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่าหุ้นของบริษัทมีสภาพคล่องดีกว่าหลักประกันประเภทอื่นๆ และในกรณีทีจําเป็น GLH สามารถขายหุ้นของบริษัทเพื่อนําเงินมาชําระหนี้ให้แก่ GLH ได้โดยง่าย โดยที่ปรึกษาทางกฎหมายในประเทศสิงคโปร์ของ GLH ได้ยืนยันว่าการที่ผู้กู้ยินยอมในสัญญาหลักประกันว่า GLH สามารถขายหุ้นของบริษัทเพื่อนําเงินมาชําระหนี้ให้แก่ GLH ได้ในกรณีที่มีเหตุผิดนัดชําระหนี้ ซึ่งสามารถใช้บังคับได้ตามกฎหมายของประเทศสิงคโปร์
ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาส 3 ในส่วนของกำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากการปรับกลยุทธ์และแผนการดำเนินงาน มุ่งเน้นบริหารจัดการต้นทุนการบริหาร ควบคุมค่าใช้จ่ายแปรผันและต้นทุนคงที่ต่างๆ การย้ายสาขาและปิดสาขาที่ไม่มีศักยภาพในการเติบโต ขณะที่รายได้รวมปรับตัวลดลงเนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซัน (Low Season) ของธุรกิจเครื่องสำอาง กำลังซื้อผู้บริโภคในประเทศหดตัว นักท่องเที่ยวจีนลดลง ด้านตลาดต่างประเทศยังคงได้รับผลกระทบจากกฎหมายควบคุมการนำเข้าสินค้าจีนในรูปแบบการหิ้วสินค้า แต่บริษัทสามารถทำตลาดในประเทศจีนโดยตรงได้ดีขึ้นโดยแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการหลายราย
บล.เออีซี ระบุว่า ยังคงประมาณการเดิม โดยคาดบริษัทจะได้รับอานิสงค์บวกจากการลงทุนของภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้นตามกำลังซื้อในประเทศที่ฟื้นตัว หนุนให้ลูกค้าหลักของบริษัทอย่างโฮมโปรเริ่มกลับมาขยายสาขาตามแผนปีนี้ที่ 2 สาขา (อีก 1 สาขาคาดเริ่มประมูลช่วง 2Q61) ซึ่งบริษัทมีโอกาสได้งานในส่วนนี้ค่อนข้างสูง จากความชำนาญในการดำเนินงานและ Track Record ที่แข็งแรง นอกจากนี้ยังคาดจะได้รับงานต่อเนื่องจากลูกค้ากลุ่มใหม่อย่าง ROBINS (ตั้งเป้าขยาย 3 สาขา) และ J (ตั้งเป้าขยาย 8 สาขา) มากขึ้น ทำให้คาดปี 2561 FLOYD จะมีกำไรสุทธิ 79 ล้านบาท พลิกโต 319.1%YoY ได้ตามประมาณการเดิม
ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาส 3 ในส่วนของกำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากการปรับกลยุทธ์และแผนการดำเนินงาน มุ่งเน้นบริหารจัดการต้นทุนการบริหาร ควบคุมค่าใช้จ่ายแปรผันและต้นทุนคงที่ต่างๆ การย้ายสาขาและปิดสาขาที่ไม่มีศักยภาพในการเติบโต ขณะที่รายได้รวมปรับตัวลดลงเนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซัน (Low Season) ของธุรกิจเครื่องสำอาง กำลังซื้อผู้บริโภคในประเทศหดตัว นักท่องเที่ยวจีนลดลง ด้านตลาดต่างประเทศยังคงได้รับผลกระทบจากกฎหมายควบคุมการนำเข้าสินค้าจีนในรูปแบบการหิ้วสินค้า แต่บริษัทสามารถทำตลาดในประเทศจีนโดยตรงได้ดีขึ้นโดยแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการหลายราย
ฟรี เครดิต 300 ไม่ ต้อง ฝาก วิธี ใช้ งาน ท รู วอ ล เล็ ต
THlG05FPjW